ปลายเดือนก่อน ไปออกทริป บิ๊กแฟมิลี่ จุดหมายปลายทางหลัก คือ จังหวัดน่าน โดยพักในตัวเมืองน่านอยู่ 1 คืน และ อำเภอบ่อเกลืออีก 2 คืน โดยช่วงที่พักอยู่ในตัวเมือง ก็ได้มีโอกาสไปท่องเที่ยวตามวัดสำคัญๆต่างๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คงหนีไม่พ้น วัดภูมินทร์
วัดภูมินทร์ ในตัวเมืองน่าน
วัดภูมินทร์เองนั้นมีลักษณะทางสถาปัตยกรรมที่แปลกตาไปกว่าวัดอื่นๆ หลายอย่าง แต่ที่เด่นชัดมากๆ คือ เป็นวัดที่สร้างทรงจัตุรมุขหนึ่งเดียวในประเทศไทย (อ้างอิง) นอกจากเรื่องของสถาปัตยกรรมแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นแรงดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเที่ยวชมวัดนี้ก็คือ ภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในอุโบสถนั่นเอง
หนึ่งในภาพจิตรกรรมฝาผนังของวัดภูมินทร์ ที่โด่งดังไปทั่วโลก ก็คือ ภาพ ปู่ม่าน ย่าม่าน หรือ “กระซิบ บรรลือโลก” นั่นเอง
ภาพจิตรกรรมฝาผนัง ปู่ม่านย่าม่าน ภายในอุโบสถวัดภูมินทร์
http://instagram.com/p/hPbGPOQLGr
ด้วยความที่คนส่วนใหญ่นั้น อาจจะให้ความสนใจไปกับตัวภาพวาด และนึกสงสัยไปแค่ว่า ชาย หญิง คู่นี้ เขากระซิบอะไรกัน ทำให้ลืมให้ความสำคัญและค้นหาข้อมูลต่อว่า ใครกันที่เป็นผู้วาดภาพนี้ แต่ยังโชคดีที่ อาจารย์ วินัย ปราบริปู ศิลปินคนน่าน ผู้ก่อตั้ง หอศิลป์ริมน่าน ไม่ลืมความสำคัญข้อนี้ จึงได้ค้นคว้าข้อมูลจนทราบว่า ใคร คือ ผู้ที่น่าจะเป็น ผู้วาดภาพจิตรกรรมฝาผนังนี้
จากบทสัมภาษณ์และข้อมูลที่พอจะหาได้จากอินเตอร์เน็ตนั้น อาจารย์ วินัย ปราบริปู ได้ให้คำตอบเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ประมาณว่า
“ศิลปินผู้เขียนภาพที่วัดภูมินทร์เป็นศิลปินคนเดียวกับผู้เขียนภาพที่วัดหนองบัว วัดสำคัญของชาวไทลื้อที่อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน บุคคลท่านนั้นคือ “หนานบัวผัน” หรือ ทิดบัวผัน ช่างวาด หรือ”สล่า” ชาวไทลื้อ ด้วยเหตุผลสำคัญคือ ภาพจิตรกรรมวัดภูมินทร์กับวัดหนองบัวมีโครงสร้างสีเดียวกัน คือ แม่สีแดง น้ำเงิน เหลืองเป็นหลัก
ที่สำคัญคือ มีภาพที่คล้ายคลึงกันถึงกว่า 40 จุด เช่น ใบหน้าคน การแต่งกาย สรรพสัตว์ ทั้งไก่แจ้ นก ลิง กวาง แม้กระทั่งแนวการลากเส้นสายพุ่มไม้และกอสับปะรด ก็ยังเป็นแบบเดียวกัน คือเป็นแนว “คตินิยม” หรือเขียนตามจินตนาการมากกว่าจะเขียนเป็นภาพเหมือนจริง(Realistic) ที่เด่นชัดคือการเขียนคิ้วบนใบหน้าชายและหญิงให้โค้งเป็นวงพระจันทร์ แล้วลากหัวคิ้วข้างหนึ่งลงมาเป็นสันจมูก เหมือนกันทั้งที่วัดหนองบัวและวัดภูมินทร์ ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีการค้นพบภาพร่างด้วยหมึกบนกระดาษสาพับ (ชาวล้านนาเรียก ปั๊บสา) ระบุว่าเป็นของ “หนานบัวผัน” ใช้ร่างก่อนภาพจริงลงบนฝาผนัง ซึ่งมีหลายภาพ อาทิ ภาพอีโรติกของลิงหนุ่มสาว เป็นภาพร่างใน “ปั๊บสา” พบที่วัดหนองบัว แล้วมีภาพนี้ไปปรากฎที่ฝาผนังวัดภูมินทร์ด้วย
จึงมีความเป็นไปได้ว่า “หนานบัวผัน” สล่าชาวไทลื้อ ซึ่งมีหลักฐานว่าเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังวัดหนองบัว อำเภอท่าวังผา ในช่วง พ.ศ. 2410-2431 จะเป็นผู้รังสรรค์ภาพจิตรกรรมฝาผนังวัดภูมินทร์ ระหว่างการบูรณะครั้งใหญ่ โดยเจ้าอนันตวรฤทธิเดชฯ ระหว่าง พ.ศ. 2410-2418 หรืออาจเขียนที่วัดหนองบัวก่อน แล้วมาเขียนที่วัดภูมินทร์ ในสมัย พระเจ้าสุริยะพงษ์ผริตเดชฯ ซึ่งปกครองนครน่านระหว่าง พ.ศ. 2446-2461 ก็เป็นได้” (อ้างอิง)
ผมเองก็ได้มีโอกาสตามรอยข้อมูลนี้ โดยได้ไปแวะเที่ยวชม หอศิลป์ริมน่าน ซึ่งมีห้องจัดแสดงผลงาน ภาพเขียนจิตรกรรมฝาผนังสำคัญๆของจังหวัดน่าน โดยตั้งชื่อว่า “เฮือนหนานบัวผัน” และได้มีโอกาสไปชมจิตรกรรมฝาผนังที่วัดหนองบัวต่อจากนั้นด้วย
เฮือนหนานบัวผันภายในบริเวณหอศิลป์ริมน่าน
http://instagram.com/p/g9yyTEwLNR
อุโบสถวัดหนองบัว อ.ท่าวังผา
http://instagram.com/p/g94D7WQLA2
เรื่องราวเกี่ยวกับหนานบัวผันนั้น มีความน่าสนใจในหลายๆมิติ มีองค์ประกอบทั้งเรื่องของ สังคม การเมือง วัฒนธรรม ในช่วงรัชกาลที่ 4 ต่อ รัชกาลที่ 5 ( ซึ่งช่วง 2 รัชกาลนี้มีเรื่องราว เหตุการณ์สำคัญๆ เกิดขึ้นมากมาย ส่วนหนึ่งมาจากการเข้ามามีอิทธิพลในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ของชาติตะวันตก ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านสังคม วัฒนธรรม การเมือง ไปสู่คำว่า “สมัยใหม่” ในหลายๆเรื่อง) จึงทำให้ผมแอบคิดในใจไม่ได้ว่า หากเรื่องราวของหนานบัวผันนี้เป็นเรื่องราวของคนเกาหลี ป่านนี้คงถูกเอามาดัดแปลงทำเป็นซี่รี่ส์ย้อนยุค ให้คนได้ดูกันอย่างสนุกสนานพร้อมความเกร็ดความรู้ด้านประวัติศาสตร์ไปแล้ว