“ปิดเทอมแล้วโว้ย!!!” คือเป็นคำตะโกนยอดฮิตของเหล่าวัยรุ่น วัยเรียนทั้งหลาย จนหนังเรื่อง ปิดเทอมใหญ่ หัวใจว้าวุ่น เอามาเป็น จุดเริ่มต้นของหนัง
ปิดเทอมใหญ่ของเหล่าวัยเรียน มาพร้อมกับ ช่วงเวลาร้อนระอุ ของฤดูร้อน เดือนเมษาฯ เดือนที่มีวันหยุดเยอะพอๆ กับวันทำงาน คนวัยทำงานอย่างผมไม่มีปิดเทอม แต่ยังดีที่ได้ได้วันหยุดยาวๆ ช่วงสงกรานต์ มาคั่นจังหวะ ชีวิต ให้เดินช้าลงสักหน่อย อากาศร้อนๆ แบบนี้ ถ้าชีวิตเดินเร็วเกินไป มีหวังได้ร้อนทั้งกายร้อนทั้งใจในเวลาเดียวกัน
ช่วงวันหยุดยาวๆ ในเดือนเมษาฯ แบบนี้ เชื่อว่า นักเดินทางส่วนใหญ่คงจะหันเข็มทิศการเดินทางไปยังจุดมุ่งหมายที่เป็นทะเล คงเพราะอากาศที่ร้อนระอุ คนส่วนใหญเลยพยายามไปอยู่ให้ใกล้ๆ น้ำเข้าไว้ พอร้อนกายขึ้นมาก็กระโดด ลงไปแช่น้ำทะเลให้หายร้อนได้ทันที เหมือนคำพูดตอนหนึ่งในหนังเรื่องเพื่อนสนิทที่ว่า “คนที่มาทะเล ไม่หนีร้อนมา ก็หนีรักมา” 🙂
ส่วนตัวผมเองนั้น ไม่มีโปรแกรมการเดินทางหนีร้อน ( และหนีรัก ) ไปเที่ยวทะเลที่ไหน ถ้าไม่มีใครชวน ก็คงวางโปรแกรมจำศีล หลบลมร้อนอยู่ในบ้าน หรือ ร้านกาแฟ บรรยากาศดีๆสักแห่ง กับหนังสือดีๆ ที่อ่านแล้วเย็นๆใจ ซึ่งพูดถึงหนังสือ ช่วงต้นเดือนเมษาฯนี้ ก็มีงานหนังสืออีกครั้งแล้ว ผมเองยังไม่มีโอกาสได้ไปเดินเลือกซื้อหนังสือเพราะยังหาเวลาหลังเลิกงานไปเดินดูไม่ได้ ครั้นจะไปเดินช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ก็เกรงใจกับปริมาณหนอนหนังสือที่คงมีจำนวนมากกว่า วันธรรมดาหลายเท่า จนทำให้การเลือกอ่าน เลือกซื้อหนังสือ ไม่น่าจะสนุก เพลินใจสักเท่าไหร่ หากไม่มีโอกาสได้ไปจริงๆ ก็คงอาศัยชั้นหนังสือในร้านหนังสือแถวบ้านในการเลือกซื้อแทน
ผมเคยอ่านบทความอยู่เรื่องหนึ่ง พูดถึงว่า งานหนังสือ ใช่ว่าจะมีแต่ข้อดี ข้อเสียที่เห็นชัดๆ ก็คือ อาจทำให้พฤติกรรมการซื้อหนังสือในร้านหนังสือ ลดน้อยลง เพราะคนรอจะไปซื้อหนังสือในงานหนังสือ อย่างเดียว ผลที่ตามมาก็อาจทำให้ร้านหนังสือเล็กๆ สายป่านไม่ยาวนั้นอยู่ไม่ได้ จะจริงเท็จประการใด ก็คงต้องดูกันต่อไปครับ
ส่วนตัวผมเองกลับคิดว่า หากร้านหนังสือ ต่างๆ อยากจะดึงปริมาณคน จากงานหนังสือมาเข้าร้านบ้าง ก็น่าจะติดป้ายหน้าร้านไปเลยว่า ร้านนี้ โปรโมชั่นเดียวกับมอเตอร์โชว์ เอ้ย งานหนังสือ 🙂