No.86 ฉบับบันทึกไทม์ไลน์ยื่น(คืน)ภาษี

ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ไปจนถึง เมษายนของทุกปีนั้น กิจกรรมทางการเงินอย่างหนึ่งของผมและลูกจ้างกินเงินเดือนท่านอื่นๆ คงหนีไม่พ้นการยื่นภาษี หรือเรียกเต็มๆ ว่า ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งวัตถุประสงค์หลักๆ ทางสรรพากรน่าจะมีไว้เพื่อให้เราได้แสดงรายการภาษีเงินได้ฯ ว่าถูกต้องครบถ้วนหรือไม่ แต่วัตถุประสงค์ของเรานั้น คงหนีไม่พ้นการยื่นเพื่อ“ขอคืนภาษี”นั่นเอง

แบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดานั้นแบ่งเป็น 2 ประเภท ซึ่งผมแยกตามความเข้าใจของผมเองคือ
1.แบบง่าย เรียก ภ.ง.ด. 91
2.แบบซับซ้อน เรียก ภ.ง.ด. 90
ที่เรียกแบบนี้เพราะ ภ.ง.ด. 90 นั้นมีฟอร์มที่ต้องกรอกหลายรายการ หลายหน้ากว่า ซึ่งที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนอย่างหนึ่งก็คือ ภ.ง.ด.90 จะมีฟอร์มให้กรอกรายการตาม มาตรา 40(4) ดอกเบี้ย เงินปันผล ส่วนแบ่งกำไร  ซึ่งนักลงทุนที่มีฐานภาษีไม่สูงมากและอยากได้เครดิตภาษีเงินปันผลคืน ต้องยอมอดทนกรอกข้อมูลในฟอร์มนี้กันหน่อย

ทางกรมสรรพาการนั้นเปิดโอกาสให้เราสามารถยื่นภาษีผ่านอินเทอร์เน็ตมาหลายปีแล้ว ซึ่งผมก็ใช้บริการมาตั้งแต่ปีแรกๆ ที่เปิดใช้งาน ปีนี้ทางสรรพากรเปิดให้ยื่นจริงๆ ได้ตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคม แต่ผมยังได้หลักฐานเอกสารที่ต้องใช้ไม่ครบ จึงยังไม่สามารถยื่นได้

จริงๆ ถ้าจะยื่นก่อน ก็พอคำนวณตัวเลขจากหลักฐานอย่างไม่เป็นทางการอย่างอื่นได้ เช่น เงินเดือน ค่าจ้างฯ  ภาษีหัก ณ ที่จ่าย สะสม ก็ดูจาก สลิปเงินเดือนได้ แต่ถ้ายื่นไปแล้ว ทางสรรพากรขอดูเอกสารทางการ ซึ่งเรียกย่อๆ ว่า 50 ทวิ ก็ยังไม่มีส่งไปอยู่ดี ผมจึงตัดสินใจรอ เอกสารโดยเฉพาะเจ้า 50 ทวิ ที่ว่ามา จากบริษัทก่อนดีกว่า

15 กุมภาพันธ์ 2555
ผมได้ 50 ทวิมา ตกกลางคืนถึงบ้านไม่รอช้า รีบเข้าอินเทอร์เน็ต เพื่อกรอก ภ.ง.ด. 90 ทันที โดยเอกสารหลักฐานที่ผมต้องใช้ในการคำนวณประกอบไปด้วย

  • ใบเสร็จรับเงินบริจาคสาธารณะ
  • รายงานเงินสะสมเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
  • หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย มาตรา 40(4) ดอกเบี้ย เงินปันผล ส่วนแบ่งกำไร
  • หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย มาตรา 50 ทวิ
  • ใบเสร็จรับเงินเบี้ยประกันชีวิต ( ผมมักจะได้ใบรับรองจากตัวแทนมาไม่ทัน จึงมักจะใช้ใบเสร็จแทนประจำ)

รวมเสร็จสรรพ ถ้าผมยื่นภาษีเป็นกระดาษส่งสรรพากร ผมต้องหอบเอกสาร 54 ฉบับ ไปให้สรรพากร!!!

ปริมาณเอกสารที่เยอะเอาการขนาดนี้ของผมนั้น หนักไปทาง หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย มาตรา 40(4)  ซึ่งถ้าผมมานั่งดูทีละใบแล้วกรอกใส่ฟอร์มในอินเทอร์เน็ต คงใช้เวลาเป็นวันๆ ผมจึงใช้วิธีคีย์ข้อมูลสะสมไว้ใน MS Excel ไว้ก่อนทุกครั้งที่ได้รับเอกสารจาก ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (http://www.tsd.co.th) และบริษัทจัดการกองทุนฯ ที่ดูแลกองทุนอสังหาฯ ที่ผมซื้อเก็บไว้ โดย Excel ที่ว่า ผมจะทำช่องรายการและสูตรคำนวณเลียนแบบกระดาษทำการในหน้าแบบฟอร์มของกรมสรรพากรไว้ พอถึงเวลาต้องกรอกจริงๆผมก็แค่ copy paste แบบที่ใช้เวลาไม่นานนัก

คืนวันที่ 15 กุมภาฯ ผมใช้เวลากรอกอยู่นานเหมือนกัน เหตุผลคืือผมอยากลองของใช้ Google Chrome แทน Internet Explorer 5.5+ / Netscape Communication 6+ ซึ่งทางสรรพากรแนะนำให้ใช้เป็น browser ในการกรอก ( ผมพยายามอ่านอีกครั้งเพราะกลัวตาฝาด…ยังมีคนใช้ั Netscape!!!???)  ซึ่งเมื่อใช้ Google Chrome กรอก ผมก็เจอ bug ตัวใหญ่ในขณะที่กรอกไปถึงกระดาษทำการของ มาตรา 40(4) คือ เมื่อผมกรอกข้อมูลกระดาษทำการ(เกือบ)เสร็จ ผมลองกลับมาหน้าจอหลัก พบว่า ตัวเลขที่กรอกไปไม่ถูกนำมารวมในฟอร์มหลักเลย…ผมเลยจำใจเปลี่ยนไปใช้….Firefox ครับ (อิอิ เกรียนไม่เลิก ยังไงก็ยังไม่ยอมใช้ IE) ผลก็ปรากฏว่า สามารถกรอกได้จนเสร็จไม่พบ bug ใดๆในคืนนั้น

26 กุมภาพันธ์ 2555
หลังจากยื่นเอกสารผ่านอินเทอร์เน็ตไป ผมก็เข้าไปตรวจสอบดูความคืบหน้าเป็นระยะๆๆๆๆ ( ไม้ยมกเยอะ เพราะเข้าไปดูเกือบทุกวัน ;p ) ผ่านทาง http://www.rd.go.th/publish/tax_inquire.html จนประมาณ 26 กุมภาพันธ์ ทางสรรพากร update สถานะว่าให้ผมส่งเอกสารเพิ่มเติมดังต่อไปนี้

1. รายงานการประชุมผู้ถือหุ้นและบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (กรณีผู้จ่ายเงินปันผลอยู่นอกตลาดหลักทรัพย์)
2. เงินบริจาคกุศลสาธารณะ
3. หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย มาตรา 40(4) ดอกเบี้ย เงินปันผล ส่วนแบ่งกำไร ฯลฯ
4.อื่นๆ

ไม่ผิดจากความคาดหมายไว้เท่าไหร่ว่า ผมต้องโดนให้ส่งเอกสาร 40(4)  แน่ๆ ( ปีไหนไม่โดน ดีใจยิ่งกว่าถูกลอตเตอรี่เลขท้าย 2 ตัว เพราะมันเยอะจนขี้เกียจส่ง)  ที่ผ่านมาผมจะใช้วิธีส่งเเฟกซ์ ไปตามหมายเลขที่ทางสรรพากรระบุไว้ โดยจะพยายามโทรติดต่อให้เจอคนด้วย และขอชื่อ เบอร์โทรเขาไว้ เพื่อติดต่อไปเป็นระยะๆ เพราะมีบางปีผมเคยเฟกซ์ไปเฉยๆ ปรากฏว่า เรื่องเงียบหายไปเกือบเดือน พอลองโทรติดต่อไปปรากฏว่า ไม่มีใครรับเอกสารไว้ แล้วให้ผมส่งไปใหม่!!!

พอมาปีหลังๆ ผมเปลี่ยนแนว ลองเปลี่ยนที่อยู่จัดส่งเอกสารเป็นที่อยู่บริษัทแทน เพื่อที่จะได้สรรพากรเขตที่รับเรื่อง เป็นเขตเดียวกับที่ตั้งบริษัท อันเนื่องมาจากสรรพากรเขตดังกล่าวอยู่ใกล้ๆบริษัทพอดี เพื่อที่ผมจะได้ไม่ต้องมานั่งเเฟกซ์เอกสารครึ่งร้อยฉบับ!! แต่ใช้วิธีเอาเอกสารไปยื่นที่สรรพากรเขตเองได้อย่างสะดวก

แต่ปีนี้ผมลองแนวใหม่ ลองส่งเอกสารผ่านอินเทอร์เน็ตทางระบบที่กรมสรรพากรเตรียมไว้ให้ดูดีกว่า ที่ http://rdserver.rd.go.th/cgi-bin/main/pit/send_doc.pl แต่โจทย์นี้ไม่ง่าย เพราะผมต้องแปลงเอกสารกระดาษที่มีอยู่เป็นไฟล์ pdf เพื่อ upload เข้าไป

โจทย์ใหญ่ของผมอยู่ที่ หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย มาตรา 40(4)  เพราะมีถึง 40 กว่าฉบับ!…ผมนั่งคิดอยู่สักครู่ ก็เกิดปิ๊ง!ขึ้นมาว่า ผมมีตัวช่วยนี่หว่า รีบเข้าไปที่ TSD Investor Portal (http://www.tsd.co.th/th/investorportal/index.html ) แล้วเลือกรายการที่ต้องการ คลิกทีเดียว ผมได้สำเนาหนังสือรับรองฯ ทั้งหมดของปี 54 มาอยู่ใน pdf ไฟล์เดียวทันที….อารมณ์ตอนนั้นโคตรจะฟินนนน

ส่วนเอกสารที่เหลือซึ่งมีไม่มากนัก ผมใช้ประโยชน์จาก printer all-in-one ที่เพิ่งซื้อมา scan แล้ว save เป็นไฟล์ pdf

27 กุมภาพันธ์ 2555
เมื่อได้เอกสารในรูปแบบ pdf ครบตามที่สรรพากรร้องขอแล้ว คืนวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ผมลอง upload ไปตามช่องทางที่กรมสรรพากรเตรียมไว้ให้(http://rdserver.rd.go.th/cgi-bin/main/pit/send_doc.pl )

7 มีนาคม 2555
จากวันที่ 27 กุมภาฯ ผมก็เข้าไปตรวจสอบสถานะเป็นระยะๆๆๆ เหมือนเคย  จนประมาณวันที่ 7 มีนาคม 2555 ก็พบว่าสถานะเปลี่ยนเป็นประมาณว่า “ได้รับเอกสารของท่านแล้ว อยู่ระหว่างการตรวจสอบ หากมีข้อสงสัยสามารถติดต่อได้ที่….”

19 มีนาคม 2555
ผมเข้าไปตรวจสอบสถานะเป็นระยะๆๆๆๆๆๆ เหมือนเคย แต่คราวนี้ทิ้งช่วงนานแล้วสถานะยังไม่เปลี่ยน ประมาณวันที่ 19 มีนาคม 2555 ผมเลยลองโทรติดต่อไปที่เบอร์โทรศัพท์ที่กรมสรรพากรให้ไว้ในหน้าจอตรวจสอบสถานะ  ก็ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ว่า ตรวจสอบเสร็จแล้วไม่ติดปัญหาอะไร เรื่องรอหัวหน้าอนุมัติอย่า่งเดียว

23 มีนาคม 2555
เช้าวันที่ 23 มีนาคม ผมลองเข้าไปตรวจสอบสถานะอีกครั้ง คราวนี้ได้พบข้อความที่คนยื่น(คืน)ภาษีทุกคนอยากจะได้รับคือ “แบบฯ ของท่านได้ดำเนินการพิมพ์เช็คคืนภาษีแล้ว อยู่ระหว่างดำเนินการนำส่งไปรษณีย์”

 การรอคอยผ่านหน้าจอได้สิ้นสุดลงแล้ว ที่เหลือก็แค่รอเช็คถูกส่งมาอยู่ในมือและนำไปเข้าบัญชีเท่านั้น หากไม่มีปัญหาอะไร ผมได้แต่หวังว่าสัปดาห์หน้า ผมจะได้พบกับซองเอกสารสีฟ้ามีตราครุฑ มีข้อความสีแดงว่า “คืนเงินภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา” มาวางอยู่ที่โต๊ะทำงานสักที 😉

ทิ้งท้ายด้วยคลิปสอนยื่น(และขอคืน)ภาษี(ผ่านอินเทอร์เน็ต)ง่ายๆใน 5 นาที ครับ ( เอามาแชร์ช้าไปหน่อยคงไม่ว่ากัน หวังว่าจะทันบางคนที่ยังไม่ได้ยื่น ;p )

*26 มีนาคม  2555
ล่าสุด เช็คมาถึงโต๊ะแล้ว

No.85 ฉบับมาฆบูชา๒๕๕๕

พรุ่งนี้คือวันที่ 7 มีนาคม 2555 ถ้าถือตามปฏิทินจันทรคติของไทย จะเป็นวันสำคัญทางศาสนาของพุทธศาสนิกชน ซึ่งก็คือ วันมาฆบูชา นั่นเอง วันมาฆบูชานั้นมีความสำคัญอย่างไร คงหาอ่านกันยาวๆได้ตามวิกิพีเดีย(ทำิลิงค์ไว้ให้แล้ว) แต่ถ้าจะให้พูดสั้นๆ เอาเฉพาะใจความสำคัญที่เราอาจจะคุ้นๆ หู ก็คือ ในวันมาฆบูชานี้เองที่เป็นวันที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข์ เอาให้ง่่ายกว่านั้น โอวาทปาฏิโมกข์ ที่กล่าวนี้ มีคำสอนบทหนึ่งที่เราคุ้นหูเป็นอย่างดีก็ืคือ “ทำแต่ความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้ผ่องใส” นั่นเอง

ผมตามอ่าน ตามดูข้อมูลจากสื่อไทยในที่ต่างๆในวันนี้(6 มีนาคม 2555)อยู่ประมาณนึง พบว่า สื่อไม่ค่อยให้ความสำคัญกับวันสำคัญที่เกี่ยวข้องกับศาสดาของศาสนาพุทธในวันพรุ่งนี้สักเท่าไหร่  แต่กลับกลายเป็นว่าถนนทุกสายของสื่อมุ่งตรงไปที่ซานฟรานซิสโกเพื่อรอลุ้นการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัทแอปเปิลหลังยุคการสิ้นไปของศาสดาด้านไอทีอย่างสตีฟ จ๊อบส์แทน

จะว่าไปแล้วความบังเอิญที่วันสำคัญทางศาสนาไปตรงกับวันสำคัญของการเปิดตัวสินค้าระดับโลกในครั้งนี้ ก็ดูเป็นความคอนทราสท์ ที่น่าสนใจ เพราะด้านหนึ่งเป็นวันสำคัญทางศาสนาที่มุ่งเน้นการหลุดพ้นความทุกข์ด้านจิตใจ โดยเฉพาะการฝึกจิตใจให้ปล่อยวางด้านวัตถุ อีกด้านหนึ่งก็เป็นวันสำคัญในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่ถือเป็นนวัตรกรรมใหม่ของโลกไอที ซึ่งดึงดูดตา ดึงดูดใจ และดึงดูดเงินในกระเป๋าสตางค์ของเหล่าสาวกทั่วโลก

ไม่ว่าบทสรุปการเปิดตัวสินค้าของแอปเปิลในวันพรุ่งนี้จะเป็น iPad 3 หรือ iPad HD เราคนไทยโดยเฉพาะเหล่าพุทธศาสนิกชนก็อย่าลืมเข้าวัด ทำบุญ หรือ จะลองปฏิบัติธรรมอยู่ที่บ้านก็ได้ตามสะดวกนะครับ

ขอทิ้งท้ายไว้ด้วยสเตตัสในเฟซบุ๊ค ของพี่จิกประภาส ชลศรานนท์ ที่พูดเชิญชวนประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับวันสำคัญทางพุทธศาสนาในปีนี้ไว้ครับ

2600 ปีก่อน นักบวชที่มาจากศากยวงศ์รูปหนึ่งเสด็จมาที่ริมแม่น้ำเนรัญชราหมู่บ้านอุรุเวลาเสนานิคม ตำบลคยา รัฐพิหาร 

พระองค์ออกบวชมาหกปี ผ่านการศึกษากับฤๅษีและพราหมณ์หลายสำนัก ผ่านการบำเพ็ญเพียรแบบทรมานร่างกายอย่างแทบเอาชีวิตไม่รอดมาแล้

อุรุเวลาเสนานิคมเป็นสถานที่ ๆ ร่มรื่น เป็นรมณียสถาน สะดวกด้วยโคจรคาม เหมาะแก่การบำเพ็ญเพียรทางจิต 
หลังจากที่นางสุชาดานำข้าวมธุปายาสมาถวาย พระองค์ถวายเสร็จได้นำถาดลอยลงเนรัญชราพร้อมกับตั้งสัตย์อธิษฐานในความเพียร

แล้วในวันนั้นเอง ความลับแห่งชีวิต ความลับแห่งจักรวาลก็ถูกไขออก

ปีนี้จะเป็นการครบรอบ 2600 ปีที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้และประกาศศาสนา รวมไปถึงวันจาตุรงคสันติบาตร วันที่พระสงฆ์1250 รูปมารวมกันโดยมิได้นัดหมาย

ปีนี้มหาเถรสมาคมกำหนดให้ เป็นกิจกรรมฉลองพุทธชยันตี3 วันพระใหญ่ มาฆบูชา,วิสาขบูชาและอาสาฬหบูชา

จึงมาบอกกล่าวกันไว้ 7 มีนาคมนี้ จะเป็นวันพระใหญ่วันแรก จะได้ทำตัวให้ว่างในวันพระใหญ่ เพื่อทำบุญใส่บาตร เวียนเทียน และเจริญวิปัสสนากันอย่างชาวพุทธควรปฏิบัติ